Русские видео

Сейчас в тренде

Иностранные видео


Скачать с ютуб สาวรับจ้างเฝ้าไข้ เซ็นชื่อรับคนป่วยกลับบ้านแทนญาติ สุดท้ายหนี้โผล่ล้านกว่า บ้านจ่อถูกยึด в хорошем качестве

สาวรับจ้างเฝ้าไข้ เซ็นชื่อรับคนป่วยกลับบ้านแทนญาติ สุดท้ายหนี้โผล่ล้านกว่า บ้านจ่อถูกยึด Трансляция закончилась 2 года назад


Если кнопки скачивания не загрузились НАЖМИТЕ ЗДЕСЬ или обновите страницу
Если возникают проблемы со скачиванием, пожалуйста напишите в поддержку по адресу внизу страницы.
Спасибо за использование сервиса savevideohd.ru



สาวรับจ้างเฝ้าไข้ เซ็นชื่อรับคนป่วยกลับบ้านแทนญาติ สุดท้ายหนี้โผล่ล้านกว่า บ้านจ่อถูกยึด

สาวรับจ้างเฝ้าไข้ ร้องสื่อ หลวมตัวเซ็นชื่อรับคนป่วยออกจากโรงพยาบาลแทนญาติ ผ่านมา 10 ปี สุดท้ายกลายเป็นหนี้กว่าล้านบาท ช้ำหนักอยู่ๆก็มีหมายมาแปะหน้าบ้านว่าบ้านที่อาศัยกำลังจะถูกยึด ช็อตเด็ด นาทีเดือด! 00:00 สาวรับจ้างเฝ้าไข้ เซ็นชื่อรับคนป่วย สุดท้ายหนี้โผล่ล้านกว่า 01:55 อยู่ๆ หมายบังคับคดีด แปะยึดบ้าน 03:18 เรื่องเป็นมาอย่างไร? 08:09 ประสบการณ์สุดช้ำ ถูกหลอกให้เซ็นต์รับสภาพหนี้ 11:15 ทุกสิ่งที่คุณพูด ต้องเป็นความจริงนะ 15:24 เงินเก็บก็ไม่มีจ่ายให้ตากับยายไปหมดแล้ว 19:27 ลูกแท้ๆ หนีหาย พ่อตาย งานศพก็ไม่มา 21:17 ไม่เคยรู้ว่าถูกฟ้อง รู้ตัวอีกทีคดีจบแล้ว 26:00 ป้าร่ำไห้ใจแทบขาด! ทุกบาททุกสตางค์เพื่อบ้านหลังนี้ แต่กำลังจะถูกยึด 28:31 ต่อสายพยาน ยันไม่รู้ว่าที่เซ็นต์คือรับสภาพหนี้ 34:00 อยากให้ถกไม่เถียงทนายช่วยอย่างไร 38:18 ทนายแนะทางออก เรื่องนี้ยังมีหวัง! 44:57 ทนายแก้วรับอาสา ช่วยป้าพ้นคดี! วันที่ 10 พ.ย.2564 คุณถิระนุช บุญโสภณ หรือ หนิง สาวรับจ้างเฝ้าไข้ ได้ให้สัมภาษณ์ ในรายการ “ถกไม่เถียง” ทางช่อง 7HD ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า ตอนประมาณ 20 กว่าปีที่แล้ว มีคนมาจ้างตนไปเฝ้าไข้คนแก่ที่บ้าน ได้เงินเริ่มต้น 8,000 บาท แล้วขึ้นเงินมาเรื่อยๆเป็น 10,000 บาท โดยให้กินอยู่กับเขา จนวันหนึ่งคนไข้ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล ตนเองก็ต้องตามไปดูแลตลอดในฐานะลูกจ้าง ตอนแรกเข้าโรงพยาบาลที่สระบุรี ก่อนส่งตัวมารักษาที่กรุงเทพฯ ตนเองก็ไปอยู่ที่กรุงเทพฯ ยาว 2 เดือน ไม่ได้กลับบ้านเลย กินนอนอยู่ที่โรงพยาบาล โดยแรกๆ ลูกหลานก็มาเยี่ยมตลอด มาหลังๆ ก็เริ่มห่างไป แต่มีการโทรติดต่อกันตลอด จนทางโรงพยาบาลมาแจ้งให้ออกจากโรงพยาบาล และให้มาจ่ายค่ารักษา แล้วต้องมีคนมาเซ็นไม่งั้นก็ไม่ให้ออกจากโรงพยาบาล ตนจึงติดต่อไปที่ลูกเขา เขาแจ้งว่าจะมาเคลียร์ให้ แต่เขายังไม่มา ตนก็พยายามติดต่อตลอด จนเขาบอกให้ตนเองเป็นคนเซ็นเอกสารรับคนป่วยกลับบ้านไปเลย แล้วเขาจะมาจ่ายเงินให้ โดยตอนที่เซ็นเอกสาร ตนก็ไม่ได้อ่านเลย เพราะเข้าใจว่าเป็นการเซ็นเพื่อรับคนป่วยออกจากโรงพยาบาลเท่านั้น แล้วทางตนก็แจ้งทางโรงพยาบาลแล้วว่า ลูกคนป่วยจะเป็นคนมาจ่ายเอง ทางโรงพยาบาลก็ทราบเพราะที่ผ่านมาลูกเขาก็เป็นคนมาจ่ายหมด ตนก็คิดว่าครั้งนี้ก็คงมาจ่ายแน่ แล้วทางโรงพยาบาลก็ทราบว่าตนเป็นเพียงคนเฝ้าไข้ นอกเหนือจากที่ตนเซ็นไป ก็มีลูกติดของคนไข้เป็นคนเซ็นด้วยอีกคนเพราะเขาอยากให้พ่อเขากลับบ้าน หลังจากที่พ่อเขาออกจากโรงพยาบาล ลูกเขาก็ไม่เคยมาเยี่ยมพ่อ และไม่เคยจ่ายค่าจ้างตนอีกเลย แต่ตนก็ยังคงดูแลผู้ป่วยต่อไป เพราะเขาก็ถือเป็นญาติห่างๆของตน ตนพยายามติดต่อเขาก็ติดต่อเขาไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องควักเงินเก็บของตนเองมาดูแลคนป่วย จนกระทั่งคนป่วยเสียชีวิต ลูกเขาก็ยังไม่โผล่มาร่วมงานศพเลย หลังจากนั้น ตนก็กลับมาอยู่บ้านแม่ ทำมาหากินตามปกติหาเช้ากินค่ำไปโดยไม่รู้เรื่องอะไรเลย ตอนนี้ก็รับจ้างอยู่ไซต์งานก่อสร้าง เงินเดือนแต่ละเดือนแทบจะไม่เหลือแล้ว ต้องเอาเงินไปส่งบ้าน แล้วอยู่ๆ ก็จะมาโดนยึดบ้านอีก โดยเมื่อวันที่ 8 พ.ย.64 อยู่ๆก็มีหมายมาแปะที่เสาหน้าบ้าน แจ้งว่าจะมายึดบ้านของตน ซึ่งที่ผ่านมาตนไม่เคยได้รับหมายศาลมาก่อนเลย มาเจออีกทีก็บังคับคดียึดบ้านเลย โดยตอนนั้นที่อยู่ตามบัตรประชาชนของตนอยู่ที่บ้านของคนป่วย พอย้ายกลับมาอยู่บ้านตนเอง ก็ยังไม่ได้มีการย้ายที่อยู่ในบัตรประชาชนกลับมา ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น ส่วนจำเลยที่ 2 ตนก็ไม่ได้คุยกับเขา ไม่ได้สนิทกัน ต่างคนต่างอยู่บ้านตัวเอง เพิ่งจะมารู้ว่าเขาเป็นจำเลยร่วมก็ตอนที่อ่านหมายศาล คุณหนิง เล่าทั้งน้ำตาว่า บ้านหลังนี้ ตนอยู่กับแม่ น้องชาย และลูกชาย ก่อนหน้านี้คุณพ่ออยู่ด้วย แต่เพิ่งจะเสียชีวิตไป ตอนนี้กำลังจะต้องเสียบ้านไป ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร ที่มาวันนี้ก็อยากจะให้ช่วย เพราะไม่อยากโดนยึดบ้าน ตนไม่มีเงิน ทนายก็ไม่มี ตอนนี้แม่ก็ยังไม่รู้เรื่อง เพราะตนไม่กล้าบอก เนื่องด้วยแม่เป็นโรคหัวใจด้วย ฟาก คุณชูชาติ น้อยญาโน หรือ ชาติ หนึ่งในผู้ที่เซ็นเอกสารจนต้องตกเป็นจำเลยที่ 2 เล่าให้ฟังว่า ตนได้รับแจ้งว่าให้ไปรับพ่อออกจากโรงพยาบาล แล้วมีการให้เซ็นเอกสาร โดยแจ่้งว่าเซ็นเพื่อให้พากลับไปรักษาที่โรงพยาบาลสระบุรี เพราะถ้าไม่เซ็นก็จะไม่ได้ออกจากโรงพยาบาล ตนก็ไม่ได้อ่านเอกสารที่เซ็นไปเลย เพราะต้องการพาพ่อออกมา ตอนนั้นมีเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลมานั่งในห้องเล็กๆ 4-5 คน จากนั้นตัวลูกอีกคนของพ่อที่เป็นเจ้าของไข้ก็โทรมาบอกว่าจะมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ ตอนนี้ก็มีหมายศาลมาแจ้งยึดทรัพย์เหมือนกัน ที่ผ่านมาก็ได้มีการไปขึ้นศาล แต่ไม่ได้ติดต่อกับคุณหนิงเลย เพราะเข้าใจว่าคุณหนิงก็น่าจะได้รับเอกสารเหมือนกัน ทางด้าน ดร.มนต์ชัย จงไกรรัตนกุล หรือ ทนายแก้ว รองประธานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม สภาทนายความ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ระบุถึงเคสนี้ว่า กรณีที่ญาติคนไข้จะรับตัวผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาล ทางโรงพยาบาลไม่มีสิทธิเหนี่ยวรั้ง ต้องยอมให้เขาได้กลับบ้าน การบอกว่าต้องเซ็นเอกสาร จ่ายเงินก่อนถึงให้กลับได้ ไม่สามารถทำได้ เรื่องค่าใช้จ่ายที่ค้างไว้ โรงพยาบาลสามารถฟ้องร้องเอาทีหลังได้ อย่างกรณีที่คุณหนิงเซ็นไป น่าจะเป็นเอกสารรับสภาพหนี้ ส่วนเรื่องที่คุณหนิงรับจ้างเฝ้าไข้ ตอนหลังที่ไม่ได้เงินค่าจ้างนั้น การว่าจ้างแบบนี้ยังมีสิทธิไปเรียกร้องค่าจ้างจากนายจ้างได้ ส่วนเรื่องหมายที่มาแปะหน้าบ้านคือหมายบังคับคดี ซึ่งหมายถึงคดีสิ้นสุดแล้ว โดยศาลพิจารณาคดีฝ่ายเดียว แจ้งให้ทราบว่าจะยึดบ้านหลังนี้ โดยห้ามเคลื่อนย้ายทรัพย์สิน แต่ทั้งนี้ยังสามารถอยู่อาศัยได้ เพราะยังไม่มีการขายทอดตลาด เรื่องที่คุณหนิงไม่ได้หมายศาล เพราะการส่งหมายศาลต้องส่งไปตามทะเบียนบ้าน ในกรณีที่คุณหนิงไม่รู้เรื่องคดี มันพอจะมีทางออกอยู่ #เรื่องนี้ต้องดู #รับจ้างเฝ้าไข้ #เป็นหนี้แทน #Ch7HD #Ch7HDNews #TERODigital

Comments